ภาษีอากร : ภาษีมูลค่าเพิ่ม ใบกำกับภาษี

ครพ.ภษ. 7795/2563

         บริษัท ท. และบริษัท ต. เป็นผู้ออกใบกำกับภาษีขายให้แก่โจทก์ แต่โจทก์มิได้ซื้อสินค้าจากทั้งสองบริษัทโดยตรงแต่สั่งซื้อผ่าน ภ. โดยเอกสารการชำระเงินนั้น บริษัท ส. เป็นผู้ชำระราคาค่าสินค้าให้แก่บริษัท ท. ส่วนห้างหุ้นส่วนจำกัด ก. เป็นผู้ชำระราคาค่าสินค้าให้แก่บริษัท ต.มีลักษณะการสั่งซื้อสินค้าคือหากเป็นการซื้อสินค้าจากบริษัท ต. โจทก์จะสั่งผ่านนาย ภ. หุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัด ก. และโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัวของนาย ภ. ซึ่งจะหักเงินไว้ 0.5 % ส่วนการซื้อสินค้าจากบริษัท ท. โจทก์จะสั่งซื้อผ่านนาย ภ. นาย ภ. จะสั่งซื้อไปยังนาย พ. จากนั้นนาย พ. ก็จะสั่งซื้อไปยังบริษัท ท. ในนามบริษัท ส. โดยนาย พ. จะบวกเงิน 1 % จากยอดขายเมื่อครบกำหนดชำระเงินค่าสินค้า โจทก์จะโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัวของนาย ภ. นาย ภ. จะหักเงินไว้ 0.5 % ที่เหลือจะโอนเข้าบัญชีส่วนตัวนาย พ. นาย พ. จะหักเงินไว้ 0.5 % แล้วจึงโอนเงินเข้าบัญชีบริษัท ท. ตามจำนวนที่นาย พ. และบริษัท ท. ตกลงกันไว้ และบริษัท ท. จะออกใบกับภาษีขายให้โจทก์ตามจำนวนเงินที่ได้รับจริงหลังหักกำไรออกแล้วจากพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า การที่บริษัททั้งสองออกใบกำกับภาษีขายให้โจทก์โดยไม่ได้รวมค่าตอบแทนเป็นส่วนหนึ่งของค่าสินค้าทำให้เชื่อได้ว่าโจทก์ไม่ได้ซื้อสินค้าจากบริษัท ท. และบริษัท ต. แต่โจทก์ซื้อสินค้าจากนาย ภ. และนาย พ. โจทก์ชำระราคาสินค้าที่บวกกำไรให้แก่บุคคลทั้งสอง และบุคคลทั้งสองได้สั่งซื้อสินค้าอีกต่อจากบริษัท ท. และบริษัท ต. นาย ภ. และนาย พ. จึงไม่ใช่ตัวแทนของบริษัท ท. และบริษัท ต. ผู้ออกใบกำกับภาษีพิพาท แต่เป็นกรณีโจทก์ซื้อสินค้าและชำระราคาแก่ผู้ประกอบการรายหนึ่งแต่ผู้ออกใบกำกับภาษีเป็นผู้ประกอบการอีกรายหนึ่ง ใบกำกับภาษีพิพาทที่ออกโดยบริษัท ท. และบริษัท ต. ให้แก่โจทก์จึงเป็นใบกำกับภาษีที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายตามประมวลรัษฎากร มาตรา 86 โจทก์จึงต้องห้ามไม่อาจนำภาษีซื้อตามใบกำกับภาษีมาหักในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 82/5 (5) ระยะเวลาตามประมวลรัษฎากร มาตรา 88/6 เป็นเรื่องระยะเวลาที่เจ้าพนักงานประเมินประเมินภาษีอากรเรียกให้ผู้ประกอบการ ผู้นำเข้าซึ่งมิใช่ผู้ประกอบการ หรือผู้ที่มีหน้าที่นำส่งภาษีชำระค่าภาษี แต่คดีตามฟ้องของโจทก์เป็นเรื่องโจทก์ขอคืนเงินภาษีอากรและจำเลยมีคำสั่งคืนเงินภาษีอากร ต่อมาจำเลยให้โจทก์คืนเงินภาษีอากรที่จำเลยสั่งคืนผิดพลาด จึงมิใช่เรื่องการประเมินภาษีอากร ไม่อยู่ในบังคับระยะเวลาดังกล่าว คำสั่งตามหนังสือแจ้งการยกเลิกหนังสือคืนภาษีอากร (ค.37) หนังสือแจ้งให้ส่งเงินคืนภาษีอากรที่สั่งผิดพลาด(ค.31) หนังสือแจ้งคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.72.1) รวม 18 เดือนภาษีพิพาท และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของสรรพากรภาค ๙ จึงชอบแล้ว กรณีไม่อาจมีผลเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญในคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ ฎีกาของโจทก์จึงไม่เป็นปัญหาสำคัญที่ศาลฎีกาควรวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 26

ครพ.ภษ. 66251/2564

        สำหรับใบกำกับภาษีซื้อพิพาทที่ออกโดยบริษัท ผ. โจทก์ไม่นำพยานบุคคลที่เป็นผู้ติดต่อกับบริษัทดังกล่าวมาเบิกความยืนยันว่ามีการขายสินค้าให้กับโจทก์ เมื่อเจ้าพนักงานประเมินของจำเลยสอบยันใบกำกับภาษีซื้อพิพาทไปยังสำนักงานสาขาของบริษัทดังกล่าวที่ออกใบกำกับภาษีพิพาทปรากฏว่า บริษัทดังกล่าวยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มโดยไม่มียอดขายและภาษีขาย ไม่มียอดซื้อและภาษีซื้อมาตั้งแต่เดือนภาษีพฤษภาคม 2554 ถึงเดือนภาษีเมษายน 2556 ประกอบกับบริษัทดังกล่าวยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2553 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2554 เพียงรอบระยะเวลาบัญชีเดียว เมื่อเจ้าพนักงานของจำเลยตรวจสถานประกอบการของบริษัท ผ. ทั้งสองแห่งก็ปรากฏว่าไม่มีการประกอบการจริง ทำให้เชื่อได้ว่าไม่มีการซื้อขายสินค้าระหว่างโจทก์กับบริษัท ผ. เพราะหากบริษัทดังกล่าวขายสินค้าให้แก่โจทก์แล้ว ย่อมปรากฏยอดขายและภาษีขายในแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มกับมีรายได้ในแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ทั้งเอกสารในการขายสินค้าที่โจทก์อ้างถึงไม่ว่าจะเป็นใบรับสินค้า ใบชั่งน้ำหนัก หนังสือรับรองการขนส่งและการจัดหาสินค้า หรือแม้กระทั่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ที่โจทก์ใช้ติดต่อภายในบริษัทต่างระบุชื่อผู้ขายคือนายเอี่ยมไม่ได้ระบุชื่อของบริษัท ผ. แต่อย่างใด ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่า โจทก์ซื้อสินค้าตามใบกำกับภาษีพิพาทจากบริษัท ผ. บริษัทดังกล่าวไม่มีสิทธิออกใบกำกับภาษี โจทก์จึงไม่มีสิทธินำใบกำกับภาษีซื้อตามใบกำกับภาษีพิพาทมาคำนวณหักออกจากภาษีขายตามประมวลรัษฎากร มาตรา 86/13 มาตรา 82/5 (5) และ มาตรา 82/3 การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์สำหรับภาษีซื้อตามใบกำกับภาษีซื้อของบริษัท ผ. จึงชอบด้วยกฎหมาย ส่วนใบกำกับภาษีซื้อที่ออกโดยบริษัท น. นั้น ไม่มีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ออกใบกำกับภาษี จึงมีรายการไม่ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนดถือได้ว่าใบกำกับภาษีซื้อดังกล่าวมีข้อความไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์ในส่วนที่เป็นสาระสำคัญ ใบกำกับภาษีซื้อดังกล่าวจึงไม่ให้นำมาหักในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม โจทก์จึงไม่มีสิทธินำใบกำกับภาษีซื้อของบริษัทดังกล่าวมาใช้ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 86/4 (2) มาตรา 82/5 (2) และมาตรา 82/3 การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ในส่วนนี้จึงชอบด้วยกฎหมาย ฎีกาข้อนี้ของโจทก์ไม่เป็นปัญหาที่เกี่ยวพันกับประโยชน์สาธารณะ หรือความสงบเรียบร้อยของประชาชน ไม่เป็นกรณีที่คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษได้วินิจฉัยข้อกฎหมายที่สำคัญขัดกันหรือขัดกับแนวบรรทัดฐานของคำพิพากษาของศาลฎีกา และไม่เป็นกรณีที่การวินิจฉัยของศาลฎีกาจะเป็นการพัฒนาการตีความกฎหมาย อันไม่เป็นปัญหาสำคัญที่ศาลฎีกาควรวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคสอง (1) (2) และ (5) ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 26 

 

เผยแพร่โดย

แผนกภาษีอากรในศาลฎีกา

วันที่เผยแพร่
24/06/2565
เข้าดู
3
Share