ครพ.ภษ. 4843/2564
ตามบัญชีอัตราอากรแสตมป์ท้ายหมวด 6 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร ลักษณะแห่งตราสาร 28 บัญญัติว่า “ใบรับเฉพาะตามที่ระบุต่อไปนี้... (ข) ใบรับสำหรับการโอนหรือก่อตั้งสิทธิใด ๆ เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ในเมื่อนิติกรรมที่เป็นเหตุให้ออกใบรับนั้นมีการจดทะเบียนตามกฎหมาย... ถ้าใบรับตาม (ก) (ข) หรือ (ค) มีจำนวนเงินตั้งแต่ 200 บาทขึ้นไป ทุก 200 บาท หรือเศษของ 200 บาท เสียค่าอากรแสตมป์ 1 บาท” และในวรรคท้ายบัญญัติยกเว้นไว้ว่า ใบรับสำหรับจำนวนเงินที่ผู้รับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียอากร กรณีนี้สำนักงานบังคับคดีจังหวัดสมุทรปราการ เป็นผู้ดำเนินการขายทอดตลาดอสังหาริมทรัพย์ของบริษัท อ. ซึ่งบริษัท อ. มีหน้าที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ และตามประกาศเจ้าพนักงานบังคับคดีและสัญญาซื้อขายของเจ้าพนักงานบังคับคดี กำหนดให้ผู้ซื้อทรัพย์จะต้องเสียค่าธรรมเนียมในการโอน ค่าภาษีต่าง ๆ จากการขายอสังหาริมทรัพย์และค่าอากรตามประมวลรัษฎากร คดีนี้ โจทก์และจำเลยทั้งสามต่างนำสืบรับกันว่า โจทก์ชำระเงินค่าอากรแสตมป์แก่เจ้าพนักงานบังคับคดีสำหรับการโอนอสังหาริมทรัพย์ที่โจทก์ประมูลได้ จำนวน 398,750 บาท ต่อมาโจทก์ได้ไปรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงพิพาทดังกล่าว ณ สำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ สาขาบางพลี และที่ดินดังกล่าวมีการชำระภาษีธุรกิจเฉพาะ 2,631,750 บาท แล้ว จึงเป็นกรณีที่ต้องด้วยลักษณะแห่งตราสาร 28 วรรคท้ายที่บัญญัติยกเว้นอากรแสตมป์สำหรับใบรับที่ผู้รับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ จึงได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียอากรแสตมป์ เมื่อโจทก์เป็นผู้ชำระค่าอากรแสตมป์ให้แก่จำเลยที่ 1 โจทก์จึงมีสิทธิได้รับเงินค่าอากรแสตมป์คืน ที่ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ต้องคืนเงินค่าอากรแสตมป์ให้แก่โจทก์ จึงชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ ๑ ไม่อาจมีผลเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญในคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ ไม่เป็นปัญหาที่เกี่ยวพันกับประโยชน์สาธารณะ หรือความสงบเรียบร้อยของประชาชน ไม่เป็นกรณีที่การวินิจฉัยของศาลฎีกาจะเป็นการพัฒนาการตีความกฎหมาย ไม่เป็นกรณีที่คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษได้วินิจฉัยข้อกฎหมายที่สำคัญซึ่งยังไม่มีแนวคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลฎีกามาก่อน และไม่เป็นปัญหาสำคัญที่ศาลฎีกาควรวินิจฉัย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๙ ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. ๒๕๒๘ มาตรา ๒๖