จำเลยที่ ๒ เป็นบุคคลภายนอกผู้รับโอนทรัพย์สินที่ติดจำนองมา มิได้เป็นลูกหนี้ชั้นต้นและมิใช่คู่สัญญาจำนองกับโจทก์ จำเลยที่ ๒ จึงมีหน้าที่เพียงปลดเปลื้องภาระจำนองด้วยการไถ่ถอนจำนองเท่านั้น การที่จำเลยที่ ๒ มีหนังสือตามเอกสารหมาย ล.๕ ถึงโจทก์ขอไถ่ถอนจำนองในวงเงิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท โดยหนังสือแจ้งความประสงค์ดังกล่าวมีเอกสารแนบท้ายประกอบด้วยสำเนาสัญญาจำนอง สำเนาโฉนดที่ดิน ซึ่งระบุตำแหน่ง ลักษณะของทรัพย์สินที่จำนอง ชื่อเจ้าของเดิม ชื่อและภูมิลำเนาของผู้รับโอน วันที่รับโอนกรรมสิทธิ์ รวมทั้งได้แจ้งความประสงค์ จะไถ่ถอนจำนองให้จำเลยที่ ๑ ทราบแล้ว ตามหนังสือแจ้งการขอไถ่ถอนจำนอง เอกสารหมาย ล.๖ หนังสือแจ้งขอไถ่ถอนของจำเลยที่ ๒ จึงมีรายละเอียดครบถ้วนตามที่บัญญัติไว้ใน ป.พ.พ. มาตรา ๗๓๘ แล้ว การที่โจทก์มีหนังสือปฏิเสธไม่รับชำระหนี้โดยมิได้ฟ้องคดีต่อศาลภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันที่จำเลยที่ ๒ มีคำเสนอเพื่อให้ศาลสั่งขายทอดตลาดทรัพย์ซึ่งจำนอง ถือว่าโจทก์ยอมรับคำเสนอขอไถ่จำนองของจำเลยที่ ๒ ดังกล่าวโดยปริยาย ตามมาตรา ๗๓๙, ๗๔๑ แล้ว จำเลยที่ ๒ จึงมีสิทธิไถ่จำนองในวงเงิน 500,000 บาท แม้ต่อมาจำเลยที่ ๒ มีหนังสือถึงโจทก์ตามเอกสารหมาย ล.๑๐ นัดวันเวลา สถานที่ชำระเงินเพื่อไถ่จำนองและโจทก์มิได้ไปตามนัดหมายก็ตาม แต่สัญญาจำนองจะระงับสิ้นไปก็ต่อเมื่อจำเลยที่ ๒ ใช้เงินแก่โจทก์ตามที่จำเลยที่ ๒ เสนอขอไถ่ถอน กรณีแม้โจทก์ไม่ไปตามนัด จำเลยที่ ๒ ยังสามารถไถ่ถอนจำนองได้ด้วยการวางเงินตามจำนวนที่เสนอขอไถ่ถอนต่อสำนักงานวางทรัพย์ ตามมาตรา ๗๔๑ ประกอบมาตรา ๓๓๑ เมื่อจำเลยที่ ๒ ยังมิได้ไถ่ถอน สัญญาจำนองจึงยังไม่ระงับสิ้นไป และจำเลยที่ ๒ เป็นเพียงบุคคลภายนอกผู้รับโอนทรัพย์สินโดยติดจำนอง ซึ่งสิทธิหน้าที่ของผู้รับโอนทรัพย์สินโดยติดจำนองนั้นมีบทบัญญัติโดยเฉพาะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๒ ลักษณะ ๑๒ หมวด ๕ จำเลยที่ ๒ จึงไม่อาจอ้างได้ว่าสัญญาจำนองระงับสิ้นไปเพราะผู้จำนองหลุดพ้น ตามมาตรา ๗๐๑, ๗๒๗ ประกอบมาตรา ๗๔๔ (๓) ได้ เมื่อโจทก์มีหนังสือบอกกล่าวทวงถามให้ชำระหนี้และไถ่ถอนจำนองแก่จำเลยที่ ๒ แล้ว ตามเอกสารหมาย จ.๑๒ แต่จำเลยที่ ๒ เพิกเฉย จำเลยที่ ๒ จึงตกเป็นผู้ผิดนัดนับแต่วันที่ครบกำหนดชำระหนี้ตามหนังสือบอกกล่าว โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องบังคับจำนองแก่จำเลยที่ ๒ ได้ และมีสิทธิได้ดอกเบี้ยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๔๔