เรื่อง ยืม ค้ำประกัน (ฎีกา ๓๘๔๗/๒๕๖๒)

ภายหลังจากจำเลยที่ ๑ ผิดนัดตั้งแต่วันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๘ โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวไปยังจำเลยทั้งสี่เมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๘ ตามเอกสารหมาย จ.๑๐ และเมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๙ โจทก์มีหนังสือทวงถามให้จำเลยทั้งสี่ชำระหนี้ตามเอกสารหมาย จ.๑๑ ถึง จ.๑๗   ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  มาตรา  ๖๘๖ วรรคหนึ่ง  บัญญัติว่า “เมื่อลูกหนี้ผิดนัด  ให้เจ้าหนี้มีหนังสือบอกกล่าวไปยังผู้ค้ำประกันภายใน  ๖๐  วัน  นับแต่วันที่ลูกหนี้ผิดนัด...”  บทบัญญัติดังกล่าวไม่ได้กำหนดรูปแบบข้อความของหนังสือบอกกล่าวไว้อย่างชัดเจน  เพียงแต่ตามเจตนารมณ์ของกฎหมายต้องการให้ผู้ค้ำประกันทราบถึงข้อเท็จจริงว่าลูกหนี้ผิดนัดแล้ว  เพื่อผู้ค้ำประกันจะได้ใช้สิทธิเข้าชำระหนี้แทนลูกหนี้เพื่อลดภาระหนี้  การตีความข้อความในหนังสือบอกกล่าวจึงไม่จำต้องยึดถือรูปแบบที่เคร่งครัด  เมื่อปรากฏว่าเอกสารหมาย จ.๑๐ แผ่นที่ ๓ ถึงที่ ๕   ซึ่งโจทก์ส่งไปยังจำเลยที่ ๒  ถึงที่ ๔  มีเนื้อความระบุว่าจำเลยที่ ๑  ซึ่งเป็นลูกหนี้ชั้นต้นมียอดหนี้จำนวนเงินค้างชำระและยังมิได้ชำระหนี้  ขอให้ไปชำระหนี้  ย่อมถือได้ว่าเป็นหนังสือบอกกล่าวซึ่งมีข้อความที่แจ้งว่าลูกหนี้ผิดชำระหนี้  เข้าลักษณะเป็นหนังสือบอกกล่าวตามความมุ่งหมาย มาตรา  ๖๘๖ วรรคหนึ่ง  แล้ว  อย่างไรก็ตาม  แม้เอกสารดังกล่าวมีข้อความชัดเจนเพียงพอว่าเป็นหนังสือบอกกล่าวไปถึงผู้ค้ำประกันก็ตาม  แต่โจทก์ก็ต้องนำสืบให้รับฟังได้ว่าผู้ค้ำประกันได้รับหนังสือบอกกล่าวภายใน  ๖๐  วัน  นับแต่วันที่ลูกหนี้ชั้นต้นผิดนัด  เมื่อพิเคราะห์เอกสารหมาย  จ.๑๐ แผ่นที่ ๓  ถึงที่ ๕   ล้วนไม่มีรอยตราไปรษณีย์ประทับเพื่อแสดงว่าจำเลยที่ ๒  ถึงที่ ๔  ได้รับหนังสือวันใด  อีกทั้งโจทก์ก็มิได้มีหลักฐานใบตอบรับมาแสดงด้วย  จึงฟังไม่ได้ว่า  จำเลยที่ ๒  ถึงที่ ๔  ได้รับหนังสือบอกกล่าวภายใน  ๖๐  วัน  นับแต่วันที่จำเลยที่ ๑  ผิดนัด  จำเลยที่ ๒  ถึงที่ ๔  ย่อมหลุดพ้นจากความรับผิดในดอกเบี้ยและค่าสินไหมทดแทนตลอดจนค่าภาระติดพันอันเป็นอุปกรณ์แห่งหนี้รายนั้นบรรดาที่เกิดขึ้นภายหลังเมื่อพ้นกำหนดเวลาแล้วตามมาตรา  ๖๘๖ วรรคสอง  โจทก์คงเรียกให้จำเลยที่ ๒  ถึงที่ ๔  ชำระต้นเงินและดอกเบี้ยที่คิดได้เพียง  ๖๐  วัน  นับแต่วันที่จำเลยที่ ๑  ผิดนัดเท่านั้น  

(ฎีกา ๓๘๔๗/๒๕๖๒)  

เผยแพร่โดย

แผนกคดีผู้บริโภค

วันที่เผยแพร่
13/04/2563
เข้าดู
7
Share