เช่าซื้อ(รถยนต์) ค้ำประกัน : กรณีเจ้าหนี้ไม่ได้มีหนังสือทวงถามผู้ค้ำประกันภายใน ๖๐ วัน นับแต่ลูกหนี้ผิดนัด ผู้ค้ำประกันต้องร่วมรับผิดในค่าขาดประโยชน์เพียง ๖๐  วัน  นับแต่วันที่ลูกหนี้ผิดนัด (ฎีกาที่ ๔๙๙๘/๒๕๖๒)

                   จากคำเบิกความของพยานโจทก์และพยานหลักฐานได้ความว่าจำเลยที่  ๑ ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อตั้งแต่วันที่ ๒๑  มีนาคม  ๒๕๕๘ เป็นต้นมา แม้ตามสำเนาหนังสือเอกสารหมาย จ.๙  จะลงวันที่  ๒ เมษายน  ๒๕๕๘  ซึ่งเป็นเวลาภายหลังจากจำเลยที่  ๑ ผิดนัดไม่ถึง  ๖๐  วัน ก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาเอกสารดังกล่าวทั้งสี่แผ่นแล้ว  ไม่ปรากฏว่ามีหลักฐานว่าจำเลยที่  ๒ ได้รับหนังสือฉบับนี้แต่อย่างใด กรณียังฟังไม่ได้ว่า โจทก์ได้บอกกล่าวให้แก่จำเลยที่ ๒  ทราบถึงการผิดนัดของจำเลยที่  ๑ แล้ว  แต่อย่างไรก็ตามได้ความต่อไปว่าโจทก์มีหนังสือไปถึงจำเลยที่  ๒ อีกสามฉบับ  กล่าวคือ  เมื่อวันที่ ๑๙  พฤศจิกายน  ๒๕๕๘ โจทก์แจ้งให้ชำระหนี้ปิดบัญชีและประมูลขายทอดตลาดรถยนต์  เมื่อวันที่ ๒  กุมภาพันธ์  ๒๕๕๙ โจทก์แจ้งผลการประมูลและสรุปภาระหนี้ และเมื่อวันที่  ๑๕  มีนาคม ๒๕๕๙ โจทก์แจ้งให้ชำระหนี้ส่วนที่ขาดทุนตามเอกสารหมาย  จ.๑๑ จ.๑๓  และ  จ.๑๔ ซึ่งจำเลยที่  ๒  ได้รับหนังสือดังกล่าวแล้ว โดยหนังสือทั้งสามฉบับนี้มีเนื้อความโดยสรุปว่าจำเลยที่  ๑ ซึ่งเป็นลูกหนี้ชั้นต้นมียอดหนี้จำนวนเงินที่ค้างชำระจนโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาและติดตามรถยนต์กลับคืนและได้นำออกขายทอดตลาดแจ้งยอดให้จำเลยที่  ๒ ชำระหนี้ส่วนที่โจทก์ขาดทุนอยู่ เช่นนี้  ถือได้ว่าก่อนฟ้อง โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวทวงถามไปยังจำเลยที่  ๒ ผู้ค้ำประกันแล้ว กรณีจึงไม่ต้องด้วย ป.พ.พ. มาตรา ๖๘๖  วรรคหนึ่ง (ที่แก้ไขใหม่)  ซึ่งกำหนดว่า  เจ้าหนี้จะเรียกให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ก่อนที่หนังสือบอกกล่าวจะไปถึงผู้ค้ำประกันมิได้  ดังนี้ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องให้จำเลยที่ ๒ ผู้ค้ำประกันรับผิดตามสัญญาเช่าซื้อได้ 

                   หนังสือฉบับลงวันที่  ๑๙ พฤศจิกายน  ๒๕๕๘  ซึ่งเป็นฉบับแรกในสามฉบับดังกล่าว  ปรากฏว่ามีผู้ลงลายมือชื่อไว้แทนจำเลยที่  ๒ เมื่อวันที่  ๒๕  พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ตามใบไปรษณีย์ตอบรับเอกสารหมาย จ.๑๑  ซึ่งหากนับตั้งแต่วันที่  ๒๑ มีนาคม  ๒๕๕๘  อันเป็นวันที่จำเลยที่  ๑ ผิดนัดถึงวันดังกล่าวย่อมมีระยะเกินกว่า ๖๐  วันแล้ว  กรณีจึงเป็นไปตาม ป.พ.พ. มาตรา  ๖๘๖ วรรคสอง ที่แก้ไขใหม่ ซึ่งมีผลใช้บังคับในวันที่  ๑๒  กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ก่อนที่จำเลยที่ ๑ จะผิดนัด โดยบทบัญญัติดังกล่าวกำหนดว่า ในกรณีที่เจ้าหนี้มิได้มีหนังสือบอกกล่าวไปยังผู้ค้ำประกันภายใน  ๖๐ วัน นับแต่วันที่ลูกหนี้ผิดนัด ให้ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิดในดอกเบี้ยและค่าสินไหมทดแทน ตลอดจนค่าภาระติดพันอันเป็นอุปกรณ์แห่งหนี้รายนั้นบรรดาที่เกิดขึ้นภายหลังจากพ้นกำหนด  ๖๐  วัน  ดังนี้ จำเลยที่  ๒  จึงไม่ต้องร่วมกับจำเลยที่  ๑ รับผิดชำระดอกเบี้ยนับถัดจากวันฟ้องแก่โจทก์  สำหรับค่าขาดประโยชน์ถือเป็นค่าสินไหมทดแทนอย่างหนึ่ง  จำเลยที่ ๒ จึงต้องร่วมรับผิดในค่าขาดประโยชน์เพียง ๖๐  วัน  นับแต่วันที่จำเลยที่  ๑ ผิดนัด (คำพิพากษาฎีกาที่ ๔๙๙๘/๒๕๖๒)

เผยแพร่โดย

แผนกคดีผู้บริโภค

วันที่เผยแพร่
19/04/2564
เข้าดู
10
Share